ความหนาอิฐมวลเบา เลือกใช้อย่างไร ให้เหมาะกับบ้านเรา
ปัจจุบันผู้คนนิยมใช้งานอิฐมวลเบาเพื่อก่อผนังบ้าน ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่น และมีขนาดใหญ่กว่าอิฐทั่วไป ใช้เวลาในการก่อสร้างรวดเร็วกว่าอิ ฐทั่ว ๆ ไป เช่นกัน แต่ด้วยขนาด ความหนาอิฐมวลเบา ที่มีตั้งแต่ 7.5 cm – 20 cm ซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนกับเจ้าของบ้าน หรืออาจเพิ่มค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น เราจึงนำข้อมูลตัวอย่างมาเปรียบเทียบให้ทุกคนดู ไปดูพร้อม ๆ กันเลย
HDWatsadu พร้อมให้คำปรึกษาการใช้งาน และเสนอราคาด่วน ด้วยพนักงานขายมืออาชีพ
โทร.061-450-9292 , 061-590-9292 จันทร์-เสาร์ 8.00-18.00น. หรือ Line ID : @hdwatsadu
เลือกขนาดอิฐมวลเบา ให้เหมาะกับผนังในแต่ละจุด
1.ผนังกั้นห้องไม่มีบานเปิด
เมื่อก่อนช่วงแรกๆของอิฐมวลเบาจะมีเฉพาะอิฐมวลเบาขนาด 7.5 เซนติเมตร ที่รองรับการใช้งานร่วมกับผนังบ้านทั้งหลัง และทั้งงานภายในงานภายนอก แต่ปัจจุบันผู้ผลิตอิฐมวลเบาได้เพิ่มประสิทธิภาพความหนาให้เลือกหลายรุ่นมากขึ้น ขนาดความหนา 7.5 เซนติเมตร จึงเหมาะกับการใช้งานร่วมกับผนังภายในบ้าน ใช้กั้นห้องที่ไม่มีบานเปิด ขนาดผนังบางก็จะช่วยให้ภายในห้องมีพื้นที่มากขึ้นและมีน้ำหนักเบามากกว่าผนังที่มีความหนา จึงช่วยลดภาระโครงสร้าง ประหยัดค่าก่อสร้างอีกด้วย
2.ผนังห้องมีบานเปิด
ผนังห้องที่มีบานประตูและหน้าต่าง เวลาเปิดหรือปิดก็จะมีแรงกระแทก ถ้าไม่ก่อผนังให้ถูกวิธี แรกจากการเปิดหรือปิดหน้าต่าง อาจทำให้ผนังเกิด รอยร้าว ได้ แต่ถ้าใช้อิฐมวลเบาที่มีความหนา 7.5 เซนติเมตร จะต้องทำการหล่อเสาคานเอ็นเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับผนัง โดยการหล่อเสาเอ็นจะต้องใช้ระยะเวลารอให้คอนกรีตแห้งประมาณ 3-5 วัน
แต่หากต้องการความแข็งแรง ทนทาน รวมทั้งป้องกันเสียงภายในห้องได้ดีขึ้น แนะนำเลือกอิฐมวลเบาที่มีขนาดความหนา 10 เซนติเมตร ขึ้นไป เพราะขนาด 10 เซนติเมตร ขึ้นไปนั้น จะมีความแข็งแรงสูง และอีกอย่างคือลดการใช้งานร่วมกับเสาคานเอ็นอีกด้วย ส่วนต้นทุนกับระยะเวลาในการก่อสร้าง ก็จะลดลงไปอีก เมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพแล้ว อาจคุ้มค่ากว่าอิฐมวลเบาหนา 7.5 เซนติเมตร
3.การก่อผนังห้องไม่ให้มีมุมเสา
ห้องบางห้องเน้นไปที่การโชว์ความเรียบหรู สบายตา สถาปนิกจะเลือกออกแบบไม่ให้มีมุมเสา หรือเจ้าของบ้านบางท่านอาจจะแจ้งสถาปนิก ตั้งแต่จะออกแบบเลย ประมาณว่าไม่อยากให้ห้องมีเหลี่ยมมุมเสา การหลบเหลี่ยมมุมเสานั้นสามารถทำได้หลายวิธี โดยเลือกก่อผนังอิฐเต็มเสาในด้านที่ต้องการโชว์ ในส่วนของด้านที่ไม่ต้องการโชว์ อย่างเช่น ห้องเก็บของ ห้องแต่งตัว หรือ ผนังด้านที่มีตู้ มีบิ้วอินปิดทับ อาจให้มีเหลี่ยมมุมเสาได้
แต่โดยปกติหากเป็นบ้านทั่วไป 1-2 ชั้น มีขนาดเสาประมาณ 20 เซนติเมตร การเลือกอิฐมวลเบาขนาด 20 เซนติเมตร จะช่วยให้ผนังห้องต่าง ๆ เท่ากับขนาดเสาพอดี ห้องจึงดูสวยเรียบไม่มีมุมเสามารบกวนสายตา
4.ผนังห้องที่อยู่ ทางด้านทิศใต้ ทิศตะวันตก ควรจะเป็นผนังที่มีความหนา
ทำไมผนังทิศใต้ และทิศตะวันตก ควรจะเป็นผนังที่มีความหนา เพราะว่า เป็นทิศที่จะโดนแสงแดดตกกระทบในช่วงเวลาบ่าย ซึ่งถ้าหากต้องการให้บ้านเย็น จึงควรที่จะต้องให้ความสำคัญกับวัสดุกันร้อนในทิศทางนี้เป็นพิเศษ ในทิศนี้ ควรใช้ผนังอิฐมวลเบาที่มี ความหนา ตั้ง 10 – 20 เซนติเมตร คือถ้าผนังมีความหนามากก็ยิ่งทำให้มีประสิทธิภาพในการกันความร้อนได้มาก แต่จะเลือกความหนาเท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับ การตัดสินใจของเจ้าของบ้าน และงบประมาณการก่อสร้าง เพราะอิฐมวลเบายิ่งมีขนาดหนามากขึ้น งบประมาณก็ต้องมากขึ้นเช่นกัน แต่ถ้ามีงบประมาณไม่จำกัด ก็สามารถเลือกอิฐมวลเบาที่มีความหนาสูงสุดได้เลย
5.ผนังห้องน้ำ หรือผนังห้องที่ได้ความความชื้น
ผนังห้องน้ำ หรือผนังห้องที่ได้รับความชื้น โดยคนส่วนใหญ่จะคิดว่า อิฐมวลเบามีลักษณะเป็นรูพรุน ซึ่งจะดูดซับความชื้นได้มาก อาจจะไม่เหมาะกับการก่อผนังบริเวณห้องน้ำ หรือห้องที่ได้รับความชื้นมาก แต่จริงๆแล้ว สามารถใช้อิฐมวลเบา ก่อผนังห้องน้ำได้ แต่ควรจะเป็นอิฐมวลเบาที่มีความหนาตั้งแต่ 10 เซนติเมตร ขึ้นไป เพื่อให้การใช้งานเต็มประสิทธิภาพ
ทั้ง 5 หัวข้อนี้ เป็นเพียงการเลือกขนาดอิฐมวลเบาที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง แต่ในไซต์งานจริงอาจต้องพิจารณาปัจจัยอื่น ๆ เพิ่มเติม รวมทั้งบางพื้นที่อาจหาซื้ออิฐมวลเบาที่มีความหนาได้ยากขึ้น การใช้จึงอาจต้องประยุกต์เพิ่มเติม เช่น เลือกใช้อิฐมวลเบาความหนา 7.5 เซนติเมตร ในกรณีต้องการปิดมุมเสาหรือป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ สามารถก่อผนังอิฐมวลเบา 2 ชั้นได้เช่นเดียวกับอิฐมอญแดง ซึ่งการก่อสองชั้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพได้ดีเช่นเดียวกับการเลือกอิฐมวลเบาที่มีความหนาเป็นเท่าตัว
ผนังอิฐมวลเบา หนา 7.5 ซม. กับ หนา 10 ซม. ต่างกันอย่างไร?
ผนังอิฐมวลเบาที่ก่อด้วยอิฐหนา 7.5 ซม. พร้อมกับคานทับหลังสำเร็จรูป อาศัยเวลาก่อ 15 วัน หากเปลี่ยนมาใช้อิฐ หนา 10 ซม. แทนอาจใช้เวลาเพียง 7 วัน ซึ่งเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะบ้านที่มีช่องเปิดเยอะจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก แม้ราคาต่อตารางเมตรของ อิฐหนา 10 ซม. จะสูงกว่า อิฐหนา 7.5 ซม. ประมาณ 20 % ก็ตาม แต่อิฐหนา 10 ซม. ซึ่งใช้คานทับหลังน้อยและก่อได้เร็วกว่า ทำให้ประหยัดค่าวัสดุและค่าแรง จนเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายการก่อผนังทั้งระบบในท้ายที่สุดแล้วอาจถูกกว่าก็ได้
ตัวอย่างการใช้งาน ความหนา 7.5 ซม. และความหนา 10 ซม.
ผนังอิฐมวลเบาที่ก่อด้วยอิฐ Q-CON หนา 7.5 ซม. พร้อมกับคานทับหลังสำเร็จรูป อาศัยเวลาก่อ 15 วัน หากเปลี่ยนมาใช้อิฐ Q-CON หนา 10 ซม. แทนอาจใช้เวลาเพียง 7 วัน ซึ่งเร็วขึ้นเกือบเท่าตัว โดยเฉพาะบ้านที่มีช่องเปิดเยอะจะช่วยประหยัดเวลาได้มาก แม้ราคาต่อตารางเมตรของ อิฐ Q-CON หนา 10 ซม. จะสูงกว่า อิฐ Q-CON หนา 7.5 ซม. ประมาณ 20 % ก็ตาม แต่อิฐ Q-CON หนา 10 ซม. ซึ่งใช้คานทับหลังน้อยและก่อได้เร็วกว่า ทำให้ประหยัดค่าวัสดุและค่าแรง จนเมื่อเทียบค่าใช้จ่ายการก่อผนังทั้งระบบในท้ายที่สุดแล้วอาจถูกกว่าก็ได้
ที่เล่าไปทั้งหมดดูเหมือนจะจงใจแนะนำให้เจ้าของบ้านเลือกใช้อิฐ Q-CON หนา 10 ซม. ด้วยข้อดีคือ ก่อสร้างได้รวดเร็ว ใช้เสาเอ็น คานเอ็น และคานสำเร็จรูปน้อยกว่าอิฐ Q-CON หนา 7.5 ซม. จึงอาจทำให้ประหยัดค่าก่อสร้างในการก่อผนังอิฐมวลเบาได้มากกว่า แต่ทั้งนี้ ในทางปฏิบัติย่อมต้องคำนึงถึงความเหมาะสมด้านอื่นด้วยด้วย อย่างในบางพื้นที่ การสั่งซื้ออิฐ Q-CON หนา 7.5 ซม. อาจทำได้ง่ายและใช้เวลาน้อยกว่ากว่าอิฐ Q-CON หนา 10 ซม. นอกจากนี้ การก่อผนังอิฐมวลเบาด้วย อิฐ Q-CON หนา 10 ซม. เมื่อฉาบปูนผนังทั้งสองด้านแล้วจะมีความหนาผนังรวมมากกว่าความหนาวงกบทั่วไป นับเป็นอีกเรื่องที่ต้องคำนึง โดยเฉพาะบ้านที่เน้นเรื่องรายละเอียดการดีไซน์
ที่มา : SCGHOME
ข้อดีของการก่อผนังด้วย “อิฐมวลเบา”
- ประหยัด อิฐมวลเบามีน้ำหนักที่เบา แต่สามารถรับน้ำหนักได้ดี ทำให้ประหยัดโครงสร้าง และยังประหยัดค่าไฟฟ้าอีกด้วย
- อุณหภูมิภายในบ้านเย็นขึ้น เพราะอิฐมวลเบาไม่มีคุณสมบัติในการอมความร้อน เนื่องจากวัสดุมีรูพรุน ทำให้คายความร้อนได้ดี
- เก็บเสียงได้ดี เนื่องจากวัสดุที่มีรูพรุน สามารถดูดซับเสียงได้ดี ทำให้เสียงจากภายนอก เข้าไม่ถึงในตัวบ้าน แล้วเสียงภายในบ้าน ก็ไม่ออกไปภายนอกได้
- มีมาตรฐาน อิฐมวลเบา ผลิกออกจากโรงงานที่มีขนาดมาตรฐานเท่ากันทุกก้อน ในแต่ละความหนา ทำให้ง่ายต่อการคำนวณการใช้งานแล้วพื้นผิวของอิฐมวลเบาก็มีพื้นผิวเรียบ สวยงาม
- การแตกร้าวน้อย เพราะอิฐมวลเบามีขนาดและมิติที่ชัดเจน วัสดุมีการหดและยืดน้อย ทำให้หมดปัญหาในเรื่องการแตกร้าว
และนอกจากนี้ในปัจจุบัน วัสดุส่วนผสมในการผลิตอิฐมวลเบาอาจมีต้นทุนที่สูงขึ้นและหายากมากขึ้น จึงทำให้ในช่วงระยะเวลาตอนนี้ อิฐมวลเบาขาดแคลนจำนวนมาก และเป็นเหมือนกันทุกแบรนด์ ทั่วประเทศ ทางเรามีข้อแนะนำและให้คุณได้คำนวณปริมาณการใช้งานด้วยตัวเองก่อนคราวๆ และเช็คราคาอิฐมวลเบา เพื่อรวดเร็วต่อการสั่งจองอิฐมวลเบา แต่ถ้าหากไม่มั่นใจในการคำนวณ สามารถติดต่อทาง HDWatsadu ได้เลย เรามีพนักงานที่ให้บริการทุกด้านคะ
สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ HDWatsadu
โทร.061-450-9292 หรือ 061-590-9292 HD
จัดส่งไวถึงหน้างาน พร้อมจัดส่งทุกพื้นที่
ช่องทางติดตามผลงาน
Website : www.hdwatsadu.com
FB : HD Watsadu
IG : hdwatsadu
Line : @hdwatsadu
เราพร้อมบริการคุณลูกค้า